1.
ตอนที่เริ่มเรียนที่โรงเรียนภาษาในเมืองซัปโปโรนั้น จิตวิญญาณที่ยังเต็มเปื่ยมว่า “ตูอยากลองทำไบท์โตะ (งานพิเศษ) แบบพวกตัวการ์ตูนในเมะให้ได้!!” นับว่าเป็นอีกหนึ่ง Mile stone ที่อยากทำถ้าได้มาเรียนต่อที่ญี่ปุ่นแล้ว.....(ถึงเมืองที่เลือกไปเรียนภาษาจะโดนเรียกว่าเป็น รัสเซีย บ่อย ๆ ก็เถอะ.....)
ขั้นแรกของการจะหางานทำนั้นคือ..... ต้องพูดให้รู้เรื่องก่อน
การทำงานไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ไม่ว่าเค้าจะบอกว่า ภาษาญี่ปุ่นยังอ่อนแอก็ทำได้ แต่เชื่อเถอะ ยังไงก็ต้องเจอการใช้ภาษาญี่ปุ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี ดังนั้น ทางที่ดี เราควรให้ภาษาเราแน่นในระดับหนึ่งก่อน นอกจากจะไม่เหนื่อย ในการทำงานแล้ว ยังสามารถทำให้เรามีโอกาสได้ทำงานที่กว้างมากขึ้นอีกด้วย
โดยส่วนตัวแล้ว ไม่ค่อยชอบการหางานจากเว็บไซต์หรือการเมลล์ไปเพื่อสัมภาษณ์ในบริษัท หรือ ร้านที่เรายังไม่เคยใช้บริการ เพราะเราจะไม่รู้รูปแบบของงานหรือขอบเขตของภาษาที่เราต้องใช้
วิธีสมัครงานเลยเป็นการโทรไป (ร้านเพนกวิ้น) กับ เดินไปคุยกับเจ้าของร้าน (ร้านอาหารไทย)
ซึ่งครั้งนี้อยากจะเล่าแค่ในส่วนของร้านเพนกวิ้นก่อน ถ้าใครอยากรู้เรื่องงานร้านอาหารไทย ไว้ว่างๆจะมาเขียนเพิ่มเติม
หลังจากนั่งทำใจอยู่หน้ามือถือประมาณชม. (กลัวพูดไม่รู้เรื่อง ใครเคยเรียนภาษาน่าจะรู้ว่ายากสุดคือคุยโทสัพเนี่ยละ) ก็กดเบอร์โทรไป
“เออ….ตอนนี้รับสมัครงานอยู่เปล่าคะ พอดีมีคนรู้จักบอกว่ามีตำแหน่งงานว่าง”
หลังจากคุยกัน ก็ตกลงวันนัดสัมภาษณ์ ตอนบ่ายสองวันอาทิตย์ที่กำลังจะถึง
2.
เช้าวันสัมภาษณ์ หิมะที่หยุดตกไปสองสามวันก่อน ทิ้งพื้นน้ำแข็งที่ลื่นประหนึ่งลานสเก็ตไว้รอบเมือง....ด้วยความรีบ กลัวจะไปสาย ตอนที่วิ่งข้ามสี่แยกอยู่นั้น รู้ตัวอีกทีหน้าก็มองฟ้าใสของเดือนมกรา.....
ปวดก้นก็ปวด แต่ก็บากหน้าวิ่งต่อไป (จริงๆคือ แก้เขิน คนแถวนี้ลื่นกันบ่อย จนเป็นเรื่องปกติ) ผ่านย่านการค้าของเมืองจนมาถึงหน้าร้าน....
“ฮัลโหล มาถึงแล้วให้ไปตรงไหนคะ”
“ไปตรงประตูที่มี คุณเคบิ้น ยืนอยู่นะคะ”
…………..
ใครคือคุณเคบิ้นวะ......!?
警備 けいび เคบิ (แต่เวลาบางคนอ่าน/พูด ดันใส่เสียง อึน ลงไป) แปลว่า ยาม เป็นคำที่ได้เรียนรู้ในวันนั้น....หลังจากไปเดินถามหา คุณเคบิ้นรอบร้าน จนพนง.ที่ออฟฟิศต้องเดินลงมารับ... (เปิดตัวอลังการไหมละ) คือเค้าให้เมิงเดินไปหายามมมม คุณยามม ตูก็ฟังเป็น คุณเคบิ้น อีกนิด ก็ เควิน ละ
3.
หลังจากหัวฟู ปวดก้น หน้าแตก(จากการไปตามหาคุณเคบิ้น) เราก็ได้ถึงกระบวนการสมัครงานจริงจังเสียที เริ่มจาก....ใบสมัครงาน ที่เต็มไปด้วยคันจิจำนวนมาก.....(จากที่เล่าจากย่อหน้าแรก ใครไม่ได้ภาษาจะเสียเวลาเขียนใบสมัครตรงนี้โคตรๆ) ในใบสมัครก็จะถามถึงอะไรหลายๆอย่างเช่น เราขึ้นลงสถานีรถไฟอะไรเพื่อมาทำงาน ค่าเดินทางเท่าไหร่ อยู่กับใคร มีเพื่อนสนิทมิตรสหายที่ติดต่อได้ไหม ทำไมถึงอยากทำร้านนี้ อยากทำงานแผนกไหนเป็นพิเศษ ทำไมถึงอยากทำแผนกนี้ (ย้ำว่า มาสมัครงานพิเศษ) รบรากับคันจิจำนวนมากจนตาลายเสร็จแล้ว คุณป้า พนง.ที่เป็นคนลงไปรับเราขึ้นมาก็เข้ามาเอาเอกสารออกไปพร้อมกับทิ่งระเบิดเอาไว้
“วันนี้ ผู้จัดการเข้าพอดีเลย คงเป็นผู้จัดการเป็นคนสัมภาษณ์นะคะ”
“อ่า.....ค่ะ”
ผู้จัดการคนที่ว่า อายุไม่เกิน 30 ดูคล่องแคล้วและอารมณ์ดี
“โหหห ฝึกงานที่ NTx ด้วยหรอ” (ค่ะ...แต่ตูทำแต่เซริฟ์เวอร์ คงเอาอะไรมาช่วยขายของไม่ได้.....)
“โหๆ โอเค ถ้าสมมุติไม่ได้ทำแผนกนี้ ทำแผนกอื่นได้ไหม” (จังหวะนี้ให้หนูทำอะไรก็ทำค่าาาา)
“โอเค ขอบคุณมากนะที่มาวันนี้ รอการติดต่อกลับไปละกันนะ”
…….อะเระ......
หลังจากเดินออกมาจากหลังร้านแบบมึนๆ อารมณ์ เราใช้พลังงานของทั้งวันไปในเวลาไม่ถึงครึ่งชม.
สรุป ตูได้งานปะวะ???
つづく…….
Comments
Post a Comment